วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันพ่อของแต่ละประเทศ...ตรงกับวันที่เท่าไหร่บ้าง?


19 มีนาคม โบลิเวีย ฮอนดูรัส อิตาลี ลิกเตนสไตน์ แอนโดรา โปรตุเกส สเปน
5 พฤษภาคม โรมาเนีย
8 พฤษภาคม เกาหลีใต้
วันอาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายน ลิทัวเนีย
5 มิถุนายน เดนมาร์ก
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนมิถุนายน ออสเตรีย เบลเยี่ยม
วันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน อาร์เจนติน่า แอนทิกัว บาฮามัส บังกลาเทศ บัลแกเรีย แคนาดา ชิลี จีน โคลอมเบีย คอสตา ริก้า คิวบา ไซปรัส สาธารณรัฐเชก เอกวาดอร์ ฝรั่งเศส กาห์นา กรีซ กายอาน่าฮ่องกง ฮังการี อินเดีย ไอร์แลนด์ จาไมก้า ญี่ปุ่น มาเลเซีย มอลต้า มอริเชียส เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ ปากีสถาน ปานามา ปารากวัย เปรู ฟิลิปปินส์ เปอร์โตริโก เซนท์ วินเซนต์ แอนด์ เกรนาดีนส์ สิงคโปร์ สโลวาเกีย แอฟริกาใต้ ศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์ ทรินิแดด แอนด์ โทเบโก ตุรกี สหราชอาณาจักร ยูเครน สหรัฐอเมริกา เวเนซูเอล่า ซิมบับเว บาร์เบโดส
17 มิถุนายน เอลเซวาดอร์ กัวเตมาลา
21 มิถุนายน ซีเรีย เลบานอน
23 มิถุนายน นิคารากัว โปแลนด์ อูกันดา
วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน ไฮติ
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนกรกฎาคม อูรุกวัย
วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกรกฏาคม สาธารณรัฐโดมินิกัน
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม บราซิล
8 สิงหาคม ไต้หวัน
วันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายน ลัทเวีย
วันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ลักเซมเบิร์ก
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน เอสโทเนีย ฟินแลนด์ สวีเดน ไอซ์แลนด์
5 ธันวาคม ประเทศไทย (^__^)
แต่ละประเทศเค้ามีประเพณีอะไรในวันพ่อบ้าง?
ประเทศอาร์เจนติน่า
วันพ่อของประเทศอาร์เจนติน่าจะเฉลิมฉลองกันในวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่บิดาแห่งอาร์เจนติน่า "โจเซ่ เดอ ซาน มาร์ติน" ได้เป็นพ่อ
ไต้หวัน
ในไต้หวัน วันพ่อไม่ได้เป็นวันหยุดพิเศษ แต่หากลองสังเกตในวงกว้างแล้ว ในวันที่ 8 สิงหาคม ก็คือวันที่ 8 เดือน 8 ของปี ในภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) เลข 8 จะออกเสียงว่า "ปา" ซึ่งเสียงนั้นก็จะไปพ้องกับคำว่า ปา ที่แปลว่า "พ่อ" (ปาป๊านั่นเองค่ะ) ดังนั้น ชาวไต้หวันจึงนิยมเรียกวันที่ 8 สิงหาคมว่า "ปาป๊า เดย์ (วันพ่อ)" ค่ะ
เยอรมนี
วันพ่อในเยอรมนีไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเหมือนกับวันพ่อในประเทศทางตะวันตกประเทศอื่น และที่นี่ไม่ได้เรียกวันพ่อว่าวันพ่อแต่มีคำอื่นที่มีความหมายเดียวกันใช้เรียกแทน
Vatertag มักนิยมเฉลิมฉลองกันใน Ascension Day (วันที่ 40 หลังวันอีสเตอร์ เป็นวันที่พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์) และถือเป็นวันหยุดประจำชาติ บางทีก็เรียกกันว่า Men's day หรือ Gentlemen's day (Männertag,Herrentag) จะมีประเพณีที่ผู้ชายเท่านั้นต้องทำ คือ ประเพณีเข็นรถขึ้นภูเขา (จะคล้ายเข็นครกขึ้นภูเขาไหมน้อ?) และในรถจะบรรจุไวน์หรือเบียร์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น)

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ทะเบียนสมรสในหลวง




คิดว่าเก่งภาษาไทยแค่ไหน

คุณคิดว่าภาษาไทยยากมากไหม

ที่จังหวัด ระนองระยองยะลา ได้มียักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก เพราะยักษ์เล็กจะกินข้าวกับผัดฟักแต่ฟักผัด เป็นของยักษ์ใหญ่ ระนองระยองยะลา จึงได้แต่หวาดวิตกว่า ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็กจะเข้าทำร้าย จึงส่งทหารถือปืนแบกปูนไปโบกตึกเพราะปูนโบกตึกที่ทหารถือปืนแบกมานั้น อาเฮียหลีพาอาหลีเฮียไปดูผี และยานัดหมอมีแก้ฝีแก้หิด อย่านัดหมอชิดแก้หิดแก้ฝี จึงกินมันติดเหงือก กินเผือกติดฟัน จึงพาบริษัท กำจัด จำกัดมหาชน ให้มากำจัด โดยวิธีที่จะทำคือ ชามเขียวคว่ำเช้าชามขาวคว่ำค่ำ เพื่อเมื่อเช้ากินผัดฟักเย็นกินฟักผัด แล้วจึงบอกให้พ่อบอกกับแม่ว่าให้พี่ซึ่งเป็นน้องของคุณย่าให้หาปู่ที่เป็น ทวดของคุณลุงลูกแม่ยายของอาที่อยู่ระนองระยองยะลา ให้มาช่วยด่วน ...

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

100ร.ร.ที่มีชื่อเสียงที่สุดในไทยปี51

1.เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร
2.มหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม
3.สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
4.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพมหานคร
5.สามเสนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
6.สตรีวิทยา กรุงเทพมหานคร
7.เทพศิรินทร์ กรุงเทพมหานคร
8สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร
9หาดใหญ่วิทยาลัย สงขลา
10บุญวาทย์วิทยาลัย ลำปาง
11มงฟอร์ตวิทยาลัยแผนกมัธยม เชียงใหม่
12สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
13เซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร
14อัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพมหานคร
15สาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชียงใหม่
16กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
17หอวัง กรุงเทพมหานคร
18สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
19ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่
20โยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร
21ราชสีมาวิทยาลัย นครราชสีมา
22ภูเก็ตวิทยาลัย ภูเก็ต
23เบ็ญจมมหาราช อุบลราชธานี
24ศึกษานารี กรุงเทพมหานคร
25มหาวชิราวุธ สงขลา
26อุดรพิทยานุกูล อุดรธานี
27พิบูลวิทยาลัย ลพบุรี
28นครสวรรค์ นครสวรรค์
29เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร
30บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 กรุงเทพมหานคร
31นวมินทราชินูทิศ บดินทร์เดชา กรุงเทพมหานคร
32สามัคคีวิทยาคม เชียงราย
33เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ กรุงเทพมหานคร
34สตรีวิทยา 2 กรุงเทพมหานคร
35สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร
36ราชวินิตบางแก้ว สมุทรปราการ
37สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี นนทบุรี
38อัสสัมชัญคอนแวนต์ กรุงเทพมหานคร
39มาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
40บุรีรัมย์พิทยาคม บุรีรัมย์
41ชลราษฎรอำรุง ชลบุรี
42จิตรลดา กรุงเทพมหานคร
43ราชินี กรุงเทพมหานคร
44สตรีวัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพมหานคร
45สายปัญญาในพระราชินูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร
46สายน้ำผึ้ง กรุงเทพมหานคร
47พระปฐมวิทยาลัย นครปฐม
48สตรีสมุทรปราการ สมุทรปราการ
49วัฒนาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
50วัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร
51ขอนแก่นวิทยายน ขอนแก่น
52สุรนารีวิทยา นครราชสีมา
53ศึกษานารีวิทยา กรุงเทพมหานคร
54แก่นนครวิทยาลัย ขอนแก่น
55เบญจมราชาลัย กรุงเทพมหานคร
56ยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
57จักรคำคณาทร ลำพูน
58สระบุรีวิทยาคม สระบุรี
59ราชินีบน กรุงเทพมหานคร
60เบญจมราชูทิศจันทรบุรี จันทรบุรี
61สาธิตมัธยมมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) ขอนแก่น
62เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพมหานคร
63ดาราวิทยาลัย เชียงใหม่
64อัสสัมชัญธนบุรี กรุงเทพมหานคร
65นวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี นนทบุรี
66ปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร
67ราชินีบูรณะ นครปฐม
68สตรีภูเก็ต ภูเก็ต
69กาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม นครปฐม
70เบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช
71เบญจมราชรังสฤษฎิ์ ฉะเชิงเทรา
72ร้อยเอ็ดวิทยาลัย ร้อยเอ็ด
73นารีรัตน์ แพร่
74สุรวิทยาคาร สุรินทร์
75นวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพมหานคร
76พิริยาลัย แพร่
77สตรีสมุทรปราการ สมุทรปราการ
78วัฒโนทัยพายัพ เชียงใหม่
79เบญจมราชูทิศ ราชบุรี ราชบุรี
80เฉลิมขวัญสตรี พิษณุโลก
81สิรินธร สุรินทร์
82บูรณะรำลึก ตรัง
83สุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพมหานคร
84หาดใหญ่สมบูรณ์กุลกันยา สงขลา
85ราชวินิตมัธยม กรุงเทพมหานคร
86สตรีนนทบุรี นนทบุรี
87วิสุทธรังษี กาญจนบุรี
88สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพมหานคร
89พระหฤทัยคอนแวนต์ กรุงเทพมหานคร
90ปราจิณราษฎรอำรุง ปราจีนบุรี
91สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี
92อัสสัมชัญสมุทรปราการ สมุทรปราการ
93สตรีศรีน่าน น่าน
94จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ตรัง ตรัง
95สาธิตพิบูลย์บำเพ็ญ มหาวิทยาลัยบูรพา ชลบุรี
96ทวีธาภิเศก กรุงเทพมหานคร
97ลำปางกัลยาณี ลำปาง
98กัลยาณีศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช
99สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ปทุมธานี
100นบุญโญปถัมภ์ ลำพูน

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฝูหวา


ฝูหวา (ภาษาจีน: 福娃; พินอิน: Fúwá) คือมาสคอตประจำมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2008 ประกอบด้วยตัวหมีแพนด้าที่แต่งตัวเป็น ปลา ชื่อเป้ยเป่ย มีสีฟ้า แพนด้า ชื่อจิงจิง มีสีดำ หนูน้อยลูกไฟ ชื่อฮวานฮวาน มีสีแดง ละมั่งทิเบต ชื่ออิ่งอิ๋ง มีสีส้ม และนกนางแอ่น ชื่อหนีหนี่ มีสีเขียว
มาสคอตในโอลิมปิกครั้งนี้ถือว่ามีมากที่สุดเท่าที่เคยมา ซึ่งมีมากถึง 5 ตัว มาสคอตทั้ง 5 ตัวเป็นพี่น้องกัน มีชื่อเรียงกันจากพี่คนโตถึงน้องคนเล็กว่า เป้ยเป่ย จิงจิง ฮวานฮวาน อิ๋งอิ๋ง หนีหนี่ เมื่อนำชื่อพยางค์ของแต่ละตัวมารวมกัน ก็จะเป็นคำว่า “เป่ยจิงฮวนอิ๋งหนี่” แปลว่า “ปักกิ่งขอต้อนรับท่าน”
หลังจากที่ฝูหวาถูกนำออกวางจำหน่ายในท้องตลาด ก็ได้รับความนิยมจากชาวจีนเป็นอย่างมาก ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน สินค้าชนิดนี้ก็ขาดตลาด แต่ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีของสัญลักษณ์โอลิมปิคในปักกิ่งเกมส์ว่าจะนำรายได้จำนวนมหาศาลมาสู่จีน อย่างไรก็ดี ความนิยมชมชอบของชาวจีนจำนวนมาก ก็เป็นเหตุผลให้มีผู้ดัดแปลงฝูหวาเป็นรูปลักษณ์อื่นๆที่แตกต่างไปจากรูปที่เป็นทางการ โดยส่วนหนึ่งทำขึ้นเพื่อล้อเลียนประเทศจีน หรือการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้

ฝูหวาแต่ละตัวล้วนเป็นสัญลักษณ์แทนมงคลนามธรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้

เป้ยเป่ย
เป้ยเป่ย เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์ เนื่องจาก “ปลา” และ “ น้ำ ” ในขนบทางศิลป์ของจีนจะหมายถึงความรุ่งโรจน์และผลการเก็บเกี่ยว ชาวจีนใช้ภาพ “ ปลาหลีกระโดดข้ามประตูมังกร” เพื่อแสดงถึงความสำเร็จในกิจการและความใฝ่ฝันที่กลายเป็นจริง นอกจากนี้ “ปลา” ยังมีเสียงพ้องกับคำที่มีความหมายว่า “เหลือกินเหลือใช้” อีกด้วย ศีรษะของเป้ยเป่ยเป็นลวดลายปลาที่ปรากฏ ในเครื่องปั้นยุคหินใหม่ของจีน เป้ยเป่ยเป็นตุ๊กตาที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างพลิ้วไหว จึงใช้เป็นตัวแทนของห่วงสีฟ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ห่วงของกีฬาโอลิมปิค

จิงจิง
จิงจิง เป็นหมีแพนด้าตัวใหญ่ที่มีสัมมาคารวะ ในฐานะที่เป้นสัตว์ประจำชาติ จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก จิงจิงมาจากป่ากว้าง และเป็นสัญลักษณ์ของความสมัครสมานระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ศีรษะของจิงจิงเป็นลวดลายดอกบัวถักที่ปรากฏอยู่บนเครื่องเคลือบดินเผาสมัยราชวงศ์ซ่ง จิงจิงเป็นตุ๊กตาที่มองโลกในแง่ดีและเต็มไปด้วยพลัง เป็นตัวแทนของห่วงสีดำ
ฮวานฮวาน
ฮวนฮวน ถือเป็นพี่ชายคนโตในบรรดาฝูหวาทั้ง 5 ตัว เป็นสัญลักษณ์แทนคบเพลิงโอลิมปิค ฮวนฮวนเป็นตัวแทนแห่งความฮึกเหิมซึ่งนำจิตวิญญาณโอลิมปิคไปสู่คนทั่วโลก ศีรษะของฮวนฮวนประดับด้วยลวดลายของไฟคบเพลิงที่ปรากฏบนภาพวาดฝาผนังในเมืองตุนหวง เป็นตุ๊กตาที่มีนิสัยเปิดเผยและมีความชำนาญในการเล่นกีฬาทุกประเภท เป็นตัวแทนของห่วงสีแดง
อิ่งอิ๋ง
อิ่งอิ๋ง เป็นแพะธิเบตที่มีความปราดเปรียวและวิ่งเร็วปานสายฟ้าแลบ มาจากดินแดนตะวันตกอันแสนกว้างใหญ่ของจีน นำคำอวยพรที่เป็นมงคลแพร่ไปสู่ชาวโลก อิ๋งอิ๋งเป็นสัตว์สงวนซึ่งมีซึ่งมีเฉพาะในเขตที่ราบสูงชิงจั้ง ศีรษะของอิ๋งอิ๋งประดับด้วยเครื่องประดับที่ชาวจีนแถบภูเขาสูงในชิงจั้งและซินเกียงนิยมใช้กัน เป็นตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและถือเป็นสัญลักษณ์ของกรีฑาประเภทลู่และลาน เป็นตัวแทนของห่วงสีเหลือง
หนีหนี่
หนีหนี่ เป็นนกนางแอ่นที่กระพือปีกบินบนท้องฟ้า รูปลักษณ์ของหนีหนีเกิดจากรูปนกนางแอ่นของทะเลทรายบนแผ่นว่าว ซึ่งนิยมใช้เล่นกันในปักกิ่ง คำว่า “เยี่ยน” ยังเป็นตัวแทนของเมือง “เยียนจิง” (ชื่อเรียกกรุงปักกิ่งในอดีต) หนีหนีนำพาฤดูใบไม้ผลิและความสุขมาสู่ชาวโลก และโบยบินไปยังที่ต่างๆ เพื่ออวยพรให้ทุกคนประสบแต่โชคดี หนีหนีจะปรากฏตัวในสนามแข่งขันยิมนาสติก เป็นตัวแทนของห่วงสีเขียว

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Tour Eiffel


La tour Eiffel, initialement nommée tour de 300 mètres, est une tour de fer puddlé construite par Gustave Eiffel et ses collaborateurs pour l'exposition universelle de 1889. Situé à l'extrémité du Champ-de-Mars, en bordure de la Seine, ce monument parisien, symbole de la France et de sa capitale est le neuvième site le plus visité du pays en 2006 et le premier monument payant visité au monde avec 6,893 millions de visiteurs en 2007[1].
D'une hauteur de 300 mètres à l'origine, prolongée par la suite de nombreuses antennes culminant à 325 mètres, la tour Eiffel est restée le bâtiment le plus élevé du monde pendant plus de 40 ans. Utilisée dans le passé pour de nombreuses expériences scientifiques, elle sert aujourd'hui d'émetteur de programmes radiophoniques et télévisés.
Ce site est desservi par la station de métro : Bir-Hakeim. Ce site est desservi par la station Champ de Mars - Tour Eiffel du RER.

หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ใช้จะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)

รู้จักวัฒนธรรมฝรั่งเศส

การศึกษาในฝรั่งเศส
การศึกษาภาคบังคับในประเทศฝรั่งเศส จะเริ่มตั้งแต่อายุ6ขวบถึง16ปี และการศึกษาในโรงเรียนต่างๆ จะเปิดโอกาสให้นักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ระดับของโรงเรียนมีดังนี้
Ecole Maternelle โรงเรียนอนุบาลจะเริ่มตั้งแต่อายุ 2 -6 ขวบ
Ecole Primaire โรงเรียนประถมศึกษาตั้งแต่อายุ 6 - 12 ขวบ
College นักเรียนในระดับนี้เมื่อจบการศึกษาชั้นนี้ก็จะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นต้น
Lycee เป็นการศึกษาในระดับสูงขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับของไทยก็คือมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อจบการศึกษาระดับนี้แล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นสูงสามารถนำไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ ปีการศึกษาในประเทศฝรั่งเศสจะเริ่มตั้งแต่กันยายนและจบลงในเดือนมิถุนายน ทุกวันพุธนักเรียนจะไม่ไปโรงเรียน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์อีกเช่นกัน ผลไม้ที่นิยมปลูกในฝรั่งเศส
องุ่นเป็นผลไม้ที่มีมาในสมัยโบราณของยุโรป แต่ในปัจจุบันองุ่นสามารถปลูกได้ลักษณะอากาศทั่วไป องุ่นในฝรั่งเศสมี 3 ประเภท
Raisins de table เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อใช้รับประทานสดมีมากมาย นิยมปลูกมากคือ องุ่นแดง บางชนิดเกือบดำรสหวาน องุ่นขาวปนเขียวเป็นองุ่นที่มีรสหวานจัด Raisins de cuve เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อทำเหล้าองุ่น มีทั้งชนิดสีดำ,แดง,ขาว และเขียว นอกจากนั้นกกากองุ่นที่เหลือจากการทำเหล้าสามารถทำนำส้มสายชูได้ ดังนั้นการปลูกองุ่นจึงเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ
Raisins secs เป็นองุ่นที่ใช้ทำลูกเกดลักษณะคล้ายองุ่นที่ทำเหล้าแต่น้ำตาลสูง ขนาดผลเล็กไม่มีเมล็ด ไม่นิยมใช้ทำเหล้าเพราะหวานจัด จึงนิยมนำมาทำผลไม้อบแห้ง ฤดูกาลในฝรั่งเศส
ในฝรั่งเศสมี 4 ฤดูกาล
ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มราววันที่ 21มีนาคม - 21 มิถุนายน ฤดูนี้อากาศดีมาก
ต้นไม้ผลิดอกสวยงามมาก
ฤดูร้อน จะเริ่มราวๆ วันที่ 22 มิถุนายน - 22 กันยายน อากาศดีและร้อน เป็นฤดูแห่งการพักผ่อน ในเดือนสิงหาคม โรงงาน ร้านค้า มักจะหยุดให้พนักงานพักผ่อน ผู้คนนิยมไปทะเล
ฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มราวๆ วันที่ 23 กันยายน - 23 ธันวาคม อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา ฝนเริ่มตั้งเค้า ลมพัดแรง ใบไม้ผลัดใบทิ้งเพื่อรอรับฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา
ฤดูหนาว จะเริ่มจากวันที่ 23 ธันวาคม - 23 มีนาคม อากาศหนาวจัดหิมะตก
ไม่มีใบไม้เหลือบนต้นไม้เลย กีฬาในฝรั่งเศส
สำหรับกีฬาในฝรั่งเศสที่นิยมเล่นกันมากคือ กีฬาเปตอง ซึ่งเริ่มเป็นกีฬาของแคว้น Midi ภาคใต้ของฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสมีสถานที่เล่นสกี จะเล่นอยู่ในแถบภูเขา Alpes การเล่นสกีต้องมีครูฝึกสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ผู้เล่นสกีต้องนั่งกระเช้าซึ่งจะพาคุณขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเล่นสกี

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

La Fête Nationale

ควันหลง





วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วันชาติฝรั่งเศส


วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฎิวัติการปกครองจากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลายคุกบาสติลที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา) จากนั้นต่อมาจึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า "The Feast of the Federation" เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ "Champs-de-Mars" ในกรุงปารีส แต่พอหลังจากนั้นการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2332 ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วงระยะเวลาปี พ.ศ.2335-2345 และมาในสมัย "the Third Republic*"นี้เอง รัฐบาลจึงได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2423 ขึ้นมา ซึ่งกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น "วันชาติฝรั่งเศส"และได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งแรกขึ้นในปีเดียวกันนั้น
ทั้งนี้งานจะเริ่มตั้งแต่ค่ำของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระฆังตามโบสถ์วิหารต่าง ๆ หรือเสียงปืนดังขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองด้วยการเต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนและมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริกจนถึงเวลาค่ำ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการจุดพลและการละเล่นดอกไม้ไฟที่ถือประเพณีปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสร้างความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศทั้งการจัดการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดจะละเลยไม่นึกถึงและร่วมฉลองในวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศครั้งนี้


ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ฝรั่งเศสนั้นเริ่มมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างเป็นทางการเมื่อ 300 ปีก่อน ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ทรงแต่งตั้งคณะทูตเดินทางมาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศไทยในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ถึงกรุงศรีอยุธยา ขณะเดียวกับพระองค์ทรงส่งคณะทูตฝ่ายไทยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ถึงพระราชวังแวร์ซายส์เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนอีกด้วย นับแต่นั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจึงปฏิบัติสืบต่อเรื่อยมาถึงทุกวันนี้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความร่วมมือทั้งทางด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาและอื่น ๆ อีกมาก ทั้งนี้กระทรวงและองค์กรต่าง ๆ ของฝรั่งเศสได้ให้การช่วยเหลือแก่ประเทศไทยนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ เป็นเงินกว่า 250 ล้านบาท แต่กระนั้นก็ตามฝรั่งเศสก็ยังเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายไม่มากนักสำหรับคนไทย แม้ว่าจะมีบทบาทในฐานะประเทศที่ยังใหญ่ในด้านศิลปวัฒนธรรมมาช้านานก็ตาม แต่ทั้งนี้ในความจริงแล้วนั้นฝรั่งเศสจัดได้ว่าเป็นประเทศที่ 4 รองจากญี่ปุ่น,เดนมาร์ก และเยอรมณีในการให้ความร่วมมือกันมากที่สุดในระดับทวิภาคี นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาฝรั่งเศสได้ตอกย้ำที่จะดำเนินการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนสาขาอื่น ๆ ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยต้องประสบกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ อยู่นี้จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนจากรัฐบาลและทุนส่วนตัว จึงได้มีการจัดนิทรรศการการศึกษาในฝรั่งเศส เพื่อให้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วการศึกษาในฝรั่งเศสไม่แพงอย่างที่คิด ซึ่งเสียค่าเล่าเรียนตกปีละ 10,000 บาทโดยประมาณเพื่อนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนาประเทศ
ในเรื่องของความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างฝรั่งเศสกับไทย ซึ่งรู้กันดีว่ากำลังกดดันจากปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ปีที่แล้วแต่อย่างไรก็ดีภาพที่ออกมากลับตัดกันอย่างสิ้นเชิง โดยสินค้าผู้บริโภคที่ฝรั่งเศสนำเข้าประเทศไทยนั้นอยู่ในระดับคงที่ ขณะที่ประเทศไทยกลับส่งสินค้ามากขึ้นสาเหตุจากการลดค่าเงินบาท จึงส่งผลให้มีส่วนส่งเสริมการส่งออกของสินค้าของไทยได้มากขึ้น ซึ่งบรรดาบริษัทของชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นฐานการส่งออกของสินค้าไทยต่างรู้พึงพอใจกับยอกการส่งออกไปสู่ตลาดทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการมุ่งเน้นที่ตลาดภายในประเทศของบริษัทย่อยของฝรั่งเศสประจำปรเทศไทยภาพที่ออกมาปรากฎผลดีในระยะสั้นเท่านั้น แต่หัวใจสำคัญก็คือการลงทุนซึ่งประเทศไทยได้มุ่งเป้าไปที่แผนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยได้มีการร่างในรายละเอียดของแผนการใหญ่เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติให้ห้นมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสกำลังเฝ้าจับตามอง

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

100 ข้อคิดสั้น ๆ แต่โดน

1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
2. เชื่อมั่นตัวเอง
3. อย่ามองคนที่หน้าตา
4. กล้าคิด พูด และทำ
5. เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น

6. และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
7. อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
8. ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
9. เปิดใจให้กว้าง
10. มองการณ์ไกล

11. วางแผนอนาคต
12. อย่าโทษตัวเอง
13. มีความรับผิดชอบ
14. ตอบแทนเมื่อได้รับ
15. ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี

16. อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
17. คิดถึงส่วนรวมให้มาก
18. ดูแลตัวเองให้เป็น
19. รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
20. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

21. อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว
22. จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
23. ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์
24. อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
25. ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น

26. อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
27. คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
28. ได้หน้าอย่าลืมหลัง
29. คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย
30. อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ

31. อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
32. รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่
33. ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
34. อย่าเห็นแก่ตัว
35. อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

36. อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
37. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
38. เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
39. อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป
40. จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ

41. ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาส รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี
42. อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
43. คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด
44. อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
45. คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด

46. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
47. หาจุดหมายให้กับชีวิต
48. เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
49. ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา
50. วันๆ หนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น

51. ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
52. เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
53. ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
54. คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้
55. ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ

56. ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง
57. อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ
58. ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ
59. ตอนนี้คุณกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ
60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย

61. ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น
62. ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุนเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่
63. ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง
64. ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก็เพียงพอแล้ว
65. อย่ารอให้ถึงวันกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน

66. ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
67. ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม
68. เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆ ได้ตลอดชีวิต
69. อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆ ถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน
70. อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด

71. อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
72. เหนื่อยนักก้อหยุดพักซะบ้าง
73. อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคน เพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
74. ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ
75. คุณมองเพชรที่ความงามภายใน หรือที่ป้ายราคาภายนอก

76. ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
77. มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้
78. ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง
79. การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
80. ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย

81. ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
82. จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุนรักจากไปตอนนี้ คุนคิดว่า คุนทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง
83. อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
84. คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุนไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ
85. ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้หรือเปล่า

86. หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้
87. ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต
88. การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
89. หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
90. ลองทำอะไรบ้าๆ บ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย

91. ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี
92. สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก้อดี
93. อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก้อดี
94. อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
95. ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด

96. อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขาต่างกับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
97. ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง
98. บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
99. ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง
100. จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ?

ความเชื่อที่ว่าถ้าวันศุกร์เกิดไปตรงกับวันที่ 13 ของเดือนใดก็ตามแล้ว จะกลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายนั้น เป็นความเชื่อที่อยู่ในบรรดาชาติที่พูดภาษาอังกฤษทั่วโลก และยังขยายไปถึงชาติอื่นๆอีกด้วย และในประเทศบางประเทศอย่าง กรีซ สเปน ถือเอาวันอังคารที่ 13 เป็นวันโชคร้ายเช่นกัน สำหรับโรคกลัววันศุกร์ที่ 13 มีชื่อเรียกว่า Paraskavedekatriaphobia หรือ paraskevidekatriaphobia หรือ friggatriskaidekaphobia ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรค triskaidekaphobia คือ โรคกลัวหมายเลข 13

จุดเริ่มต้นความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 นั้น เชื่อมโยงกับความเชื่อที่ว่ามีคน 13 คนร่วมทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซู (The Last Supper) ก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) กระนั้น ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า ประชาชนถือเอาว่าวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้ายจนเมื่อมาถึงศตวรรษที่ 19 อย่างไรก็ตาม หมายเลข 13 มีประวัติว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องโชคร้ายมายาวนาน เนื่องจาก ตามปฏิทินจันทรสุริยคติแล้ว ในบางปีต้องมีเดือน 13 เดือน ขณะที่ตามปฏิทินเกรกอเรียนและปฏิทินของศาสนาอิสลามจะมี 12 เดือนเสมอ

ขณะที่บ้างก็ว่า ความเชื่อนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อและตำนานของชาวนอร์สในดินแดนสแกนดิเนเวียที่เรียกว่า Norse myth เกี่ยวกับเทพ 12 องค์ มารวมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทร แต่แล้วเทพแห่งไฟที่ชื่อ โลกิ ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงพังประตูรั้วเข้ามาร่วมงานในฐานะแขกคนที่ 13 และยังให้เทพฮอดซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดมิดซึ่งตาบอดโยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ บาลเดอร์ เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นลมหายใจไปในทันที ทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลด

กระนั้น ความเชื่อนี้มีผู้แย้งว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากข้อความในบทกวีโลกาเซนนาที่เป็นภาษาโอลด์นอร์สได้มีการกล่าวถึงชื่อเทพ 17 องค์ที่ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ซึ่งระบุว่าเทพโลกิเป็นผู้พังประตูรั้วเข้าไปจริง แต่ว่าเขาไม่ใช่คนที่ 13 และยังไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างบทดังกล่าวกับการถึงจุดจบของเทพบาลเดอร์อีก

ด้วยด้วยเหตุนี้ คำอธิบายในข้อแรกจึงดูมีความเชื่อมโยงกับเรื่องความโชคร้ายของเลข 13 ที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ ซึ่งมีการบันทึกเอาไว้ในศตวรรษที่ 18 โดยเชื่อกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คน 13 คนมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันแล้ว คนที่ลุกจากโต๊ะไปเป็นคนแรกจะเป็นคนแรกที่ต้องตาย
อีกทฤษฏีที่กล่าวถึงวันศุกร์ที่ 13 ระบุว่า วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 1307 เป็นวันที่พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ทำการจับกุมตัวบรรดาอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสจำนวนหลายร้อยคนไป ก่อนจะนำตัวไปทรมานและสังหาร เพื่อนำทรัพย์สินของพวกเขามาเป็นของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ เรื่องที่น่าแปลกเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 คือ มีหลักฐานที่ยืนยันว่า วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้ายสำหรับใครบางคนจริงๆ โดยนักจิตวิทยาพบว่า ในบางคนจะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุหรือล้มป่วยในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งมีการให้เหตุผลเอาไว้ว่าเป็นเพราะบางคนรู้สึกวิตกจริตเป็นอย่างมากในวันศุกร์ที่ 13 โดยทางศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันอาบำบัดการกลัวในเมืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเมินว่าในแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ที่ 13 สหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงิน 800 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหนและไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน
พอดีเห็นว่าเดือนนี้ก็มีศุกร์ 13 เลยเอามาให้อ่านกันดูนะ..... เจอเรื่องซวยๆกันบ้างรึป่าว

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Tulip


Tulipa commonly called Tulip is a genus of about 100 species of bulbous flowering plants in the family Liliaceae. The native range of the species includes southern Europe, north Africa, and Asia from Anatolia and Iran in the east to northeast of China. The centre of diversity of the genus is in the Pamir and Hindu Kush mountains and the steppes of Kazakhstan. A number of species and many hybrid cultivars are grown in gardens, used as pot plants or as fresh cut flowers.
Les tulipes sont un genre de plantes herbacées de la famille des Liliacées, qui compte une centaine d'espèces originaires des régions tempérées chaudes de l'Ancien monde. Plusieurs espèces sont largement cultivées comme plantes ornementales et ont donné lieu à la création de plusieurs milliers de variétés.

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Muséum de Vienne (Autriche)


Le Muséum de Vienne (Autriche) (ou Naturhistorisches Museum Wien) est l’un des plus grands musées autrichiens. Il a été ouvert en 1891 en même temps que le musée de peinture qui lui fait face. Les deux musées ont la même façade et se distribuent de part et d’autre de la place Marie Thérèse. Il a été construit pour abriter les très riches collections d’histoire naturelle des Habsbourg.


Histoire

Les premières collections sont rassemblées, en 1750, par François Ier du Saint-Empire par l’achat des collections d’histoire naturelle du florentin, le chevalier Johann von Baillou (1679-1758). Celui-ci en sera le premier conservateur. Cette collection, de 30 000 objets, contenait des minéraux, des roches, des fossiles, des coquillages, des pierres précieuses. Bientôt, les collections devinrent si riches que la résidence royale n’y suffit plus. Naquit, en 1857, le projet de bâtir deux grands musées, tant pour conserver les collections, que pour les mettre en valeur. Leur construction fut conviée aux architectes Gottfried Semper (1803-1879) et Karl Freiherr von Hasenauer (1833-1894) et débuta en 1871. Celle-ci s’acheva dix-huit ans plus tard et les musées furent inaugurés par François-Joseph Ier d'Autriche (1830-1916).

วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

วันวิสาขบูชา

วันวิสาขบูชา หรือ วิศาขบูชา เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพุทธศาสนา ย่อมาจาก "วิสาขปูรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" อันเป็นเดือนที่สองตามปฏิทินของอินเดีย ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย (มักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน)

ความสำคัญ
วันวิสาขบูชา เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ตรงกันทั้ง 3 คราว

เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี

เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลา 45 ปี พระชนมายุได้ 80 พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย)

ในวันสำคัญนี้ ชาวพุทธทั่วโลกมักจัดพิธีทำบุญใหญ่ นอกจากถือศีลฟังธรรมแล้ว ยังปล่อยนกปล่อยปลา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถในตอนค่ำด้วย

องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสากลของโลก โดยการเสนอของประเทศศรีลังกา และมีมติเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542 โดยให้เหตุผลว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ โดยไม่คิดค่าตอบแทน

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551

ซินเดอเรลล่า


ซินเดอเรลล่า (อังกฤษ: Cinderella; ฝรั่งเศส: Cendrillon) เป็นเทพนิยายปรัมปราที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทั่วทั้งโลก มีการดัดแปลงเป็นรูปแบบต่างๆ มากมายกว่าพันครั้ง โดยฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ ชาร์ลส แปร์โรลต์ (Charles Perrault) ในปี ค.ศ. 1697 ซึ่งอิงมาจากวรรณกรรมของ Giambattista Basile เรื่อง La Gatta Cenerentola ในปี ค.ศ. 1634


นิทานซินเดอเรลล่าของยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดคือเรื่อง La Gatta Cenerentola หรือ "The Hearth Cat" ปรากฏในหนังสือเรื่อง "อิล เพนตาเมอโรน" ("Il Pentamerone") ของนักสะสมเทพนิยายชาวอิตาลี จิอัมบัตติสตา เบซิล (Giambattista Basile) ในปี ค.ศ. 1634 ซินเดอเรลล่าชุดนี้เป็นโครงเรื่องพื้นฐานของซินเดอเรลล่าในยุคต่อๆ มาของ ชาร์ลส แปร์โรลต์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส รวมถึงสองพี่น้องตระกูลกริมม์ ชาวเยอรมัน


เนื้อเรื่องย่อ (จากฉบับของแปร์โรลต์)
ซินเดอเรลล่าเดิมมีชื่อว่า เอลล่า (Ella) เป็นบุตรสาวของเศรษฐีผู้มั่งมี มารดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก เป็นเหตุให้บิดาของเอลล่าจำใจแต่งงานใหม่กับมาดามผู้หนึ่งซึ่งเป็นหม้ายและมีลูกสาวติดมาสองคนเพราะอยากให้มีเอลล่ามีแม่ ไม่นานนักหลังจากนั้น เศรษฐีผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิต ทำให้ธาตุแท้ของแม่เลี้ยงปรากฏขึ้น นางกับลูกสาวใช้งานเอลล่าราวกับเป็นสาวใช้ และใช้จ่ายทรัพย์ที่เป็นของเอลล่าอย่างฟุ่มเฟือย ที่ร้ายกว่านั้น ทั้งสามยังเปลี่ยนชื่อของเอลล่า เป็น ซินเดอเรลล่า ที่แปลว่า สาวน้อยในเถ้าถ่าน เพราะพวกนางใช้งานเอลล่าจนเสื้อผ้าขาดปุปะมอมแมมไปทั้งตัวนั่นเอง
ซินเดอเรลล่ายอมทนลำบากทำงานเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายเรียนเชิญหญิงสาวทั่วอาณาจักรให้มาที่พระราชวังเพื่อร่วมงานเต้นรำ แต่ความหมายที่แท้จริงก็คือ พระราชา ต้องการหาคู่ครองให้กับเจ้าชายซึ่งเป็นพระโอรสองค์เดียว จึงใช้งานเต้นรำบังหน้า เมื่อรู้ข่าว ลูกสาวทั้งสองต่างพากันดีใจที่บางทีตนอาจมีโอกาสได้เต้นรำและได้แต่งงานกับเจ้าชายก็เป็นไปได้ เช่นกันกับซินเดอเรลล่า เพราะเธอใฝ่ฝันมาตลอดเวลาว่าจะได้เต้นรำในเฟลอร์ที่งดงามและเป็นอิสระจากงานบ้านอันล้นมือเหล่านี้ แต่แน่นอน เมื่อเด็กสาวขอไป แม่เลี้ยงใจร้ายจึงกลั่นแกล้งต่างๆ นานาจนซินเดอเรลล่าไม่มีชุดใส่ไปงานเต้นรำ
ซินเดอเรลล่าเสียใจมาก จึงหนีไปร้องไห้อยู่คนเดียว ทันใดนั้นนางฟ้าแม่ทูนหัวของซินเดอเรลล่าก็ปรากฏตัวขึ้นและบันดาลชุดที่สวยงามที่สุดให้ซินเดอเรลลา พร้อมกับบอกให้เด็กสาวไปงานเต้นรำ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องกลับมาก่อนเที่ยงคืน ไม่เช่นนั้นเวทมนตร์จะเสื่อม
ซินเดอเรลล่าได้ทำตามความฝัน แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ คู่เต้นรำที่เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นใครนั้นคือเจ้าชายนั่นเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่าก็รีบหนีไปโดยลืมรองเท้าแก้วเอาไว้ เจ้าชายเก็บรองเท้าไว้ได้จึงประกาศว่าจะทรงแต่งงานกับหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วนี้ได้เท่านั้น

เสนาบดีได้นำรองเท้าแก้วไปตามบ้านต่างๆเพื่อให้หญิงสาวทั่วอาณาจักรได้ลอง จนมาถึงบ้านแม่เลี้ยง เมื่อลูกสาวทั้งสองลองครบแล้ว นางก็โกหกว่าไม่มีหญิงสาวในบ้านอีก พร้อมทำลายรองเท้าแก้วจนแตกละเอียด ทุกคนต่างหมดหวังว่าจะไม่สามารถหาหญิงปริศนาของเจ้าชายพบ แต่สุดท้าย ซินเดอเรลล่าก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมาและสวมให้กับเหล่าเสนาได้ดู ทำให้ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชาย และมีความสุขตราบนานเท่านาน

วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2551

มันมากับปลาดิบ??


ปลาดิบมี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ปลาดิบน้ำจืด และปลาดิบน้ำเค็ม (ปลาดิบทะเล) ซึ่งปลาดิบทั้ง 2 ชนิดมีเชื้อโรคที่แอบแฝงมาแตกต่างกัน ปลาดิบน้ำจืด อาจพบพยาธิ บางชนิดแอบแฝงมา เช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ลำไส้ ฯลฯ

คนส่วนมากมักคิดว่า ปลาน้ำเค็มนั้นไม่มีพยาธิ แต่ในความจริงในปลาน้ำเค็มนั้นอาจพบตัวอ่อนของพยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex) ได้ แต่โชคดีที่การพบพยาธิในปลาน้ำเค็มนั้น พบน้อยกว่าในปลาน้ำจืดมากและพยาธิในปลาดิบน้ำเค็มก็มีความรุนแรงน้อยกว่าด้วยนอกจากนี้ ปลาดิบที่นำมาประกอบอาหารญี่ปุ่นมักจะทำจากปลาน้ำเค็ม
‘‘อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งชะล่าใจว่ากินปลาดิบน้ำเค็มจะปลอดภัย 100% พยาธิอะนิซาคิส ถึงแม้ไม่พบบ่อย ไม่ถึง10 รายต่อปี ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ก่อความรุนแรงได้มาก พยาธิอะนิซาคิส (Anisakis simplex) เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่น และเขตร้อน ในประเทศไทยตรวจพบ ตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ในปลามากกว่า 20 ชนิดเช่น ปลาดาบเงิน ปลาตาหวาน ปลาสีกุน เป็นต้น ระยะตัวอ่อน ที่ติดต่อสู่คนจะอยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องของปลาทะเล มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ บริเวณปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะใช้หนามขนาดเล็กและใช้ปลายหางแหลมในการไชผ่านเนื้อเยื่อต่างๆ
เมื่อพยาธิชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก และอาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ส่งผลให้ผู้ที่มีพยาธิชนิดนี้ในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด อาการมักไม่เฉพาะเจาะจงคล้ายกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร บางรายอาจมีอาการท้องเสีย หรือ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดถ้ามีแผลในกระเพาะขนาดใหญ่ อาการมักจะเริ่มเกิดหลังรับประทานอาหารที่มีพยาธิชนิดนี้ เป็นชั่วโมง หรือเป็นวันก็ได้
การวินิจฉัย และการรักษา ทำโดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ถ้าพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ก็ใช้กล้องคีบตัวพยาธิออก พยาธิชนิดนี้ไม่สามารถตรวจพบได้ในอุจจาระ เนื่องจากมันจะเกาะติดแน่นกับกระเพาะอาหารและลำไส้

การรับประทานปลาดิบอย่างถูกวิธี ควรต้องแน่ใจว่า ปลาดิบที่นำมาทำอาหารนั้น เป็นปลาทะเล เพราะบางครั้งผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ นำปลาน้ำจืดหลายชนิดมาทำอาหาร การแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 15 ชั่วโมง หรือต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน หรือผ่านความร้อนมากกว่า 60 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 5 นาที ก่อนการประกอบอาหารจะทำให้พยาธิชนิดนี้ตายได้

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

Songkran


En Thaïlande, la fête de Songkran (สงกรานต์) marque le nouvel an bouddhique basé sur le calendier lunaire et fêtée également au Cambodge, au Laos et en Birmanie.
Originellement mobiles, les réjouissances attachées à cette fête sont désormais fixes en Thaïlande afin de faciliter la vie civile et ont lieu tous les ans du 13 au 15 avril, mais suivant les villes, les dates peuvent varier. Cependant, la date exacte du nouvel an est toujours tributaire du cycle lunaire.
Traditionnellement, les gens rentrent dans leur famille et font acte de respect envers leurs aînés en leur versant un peu d'eau parfumée sur les mains. Si cette tradition se perpétue dans les familles, ses manifestations publiques ont énormément évolué et, aujourd'hui, la fête est devenue prétexte à de gigantesques batailles d'eau dans les rues des villes.

A Chiang Mai notamment, ville où cette fête est particulièrement célébrée, des pick-up chargés de bidons d'eau et de jeunes gens défilent dans les rues le long desquelles la foule est massée, « armée » de seaux d'eau. Les deux groupes, motorisés et piétons, s'aspergent mutuellement dans une ambiance bon enfant.
Durant les trois jours que durent les célébrations, il est quasiment impossible de se déplacer dans les rues d'une ville sans se faire asperger copieusement plusieurs fois.
À Pattaya, la présence d'une foule de touristes et l'arrivée d'une multitude d'habitants de Bangkok, fait prendre à la fête un tour délirant et souvent excessif.
Chaque année, la période de Songkran, qui voit le plus grand mouvement de population annuel en Thaïlande, est marquée d'accidents dûs à la conduite en état d'ébriété ou provoqués par des jets d'eau malencontreux qui font perdre aux motocyclistes le contrôle de leur machine.

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2551

คิดถึง

ปิดเทอมมาก็นานแล้ว
เพ่อนๆทำอะไรกันบ้าง
หลายคนคงจะกำลังเรียนพิเศษอยู่
ก็ตั้งใจเรียนนะจ๊ะ
เกรดก็ใกล้จะออกแล้ว
แล้วเจอกันนะพร้อมกับผลงานของเรา
ที่ทำกันมาตลอดปีว่า...
จะน่าพอใจแค่ไหน

Christophe Colomb


Christophe Colomb (né en 1451 à Gênes - mort le 20 mai 1506 à Valladolid, Espagne), est le premier européen de l'histoire moderne à traverser l'océan Atlantique en découvrant une route aller-retour entre le continent américain et l'Europe.Il effectue en tout quatre voyages en tant que navigateur au service des Rois catholiques espagnols Isabelle de Castille et Ferdinand d'Aragon, qui le nomment avant son premier départ amiral, vice-roi des Indes et gouverneur général des îles et terre ferme qu'il découvrirait. La découverte de l'espace caraïbe marque le début de la colonisation de l'Amérique par les européens et fait de Colomb un acteur majeur des Grandes Découvertes des XVe siècle et XVIe siècle, considérées comme l'étape majeure entre le Moyen Âge et les temps modernes.
Bien qu'aujourd'hui universellement connu comme l'homme qui a « découvert l'Amérique », où il accoste pour la première fois dans la nuit du 11 au 12 octobre 1492, il meurt en relative disgrâce, ses prérogatives sur les terres découvertes étant contestées, toujours persuadé d'avoir atteint les Indes, le but originel de son expédition.
Les historiens dressent le portrait d'un marin hors pair, « un des meilleurs navigateurs de tous les temps »ou même « le plus grand marin de tous les temps »mais « piètre politicien »Il apparaît « comme un homme de grande foi, profondément attaché à ses convictions, pénétré de religiosité, acharné à défendre et à exalter le christianisme partout ».

สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ



วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เป็นวันเกิดของฝ้าย

ก็มีความสุขมากๆเลยนะจ๊ะ

ขอให้ฝ้ายสมหวังและประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่องเลยนะ

ก็ดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกัน ก็ 5 ปีแล้วนะที่รู้จักกันมา

ที่ผ่านมาถ้าเคยทำให้รู้สึกแย่ก็ขอโทษด้วยนะ

เป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ

Happy Birthday

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551

ก่อนจะถึงวันเกิด(วันเกิดของใครกันนะ)




Bon anniversaire à Fah

วันที่ 12 มีนาคมนี้ ก็จะเป็นวันเกิดของฟ้า เพื่อนรักของอ๋อมเอง
สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ ก็ขอให้ฟ้ามีความสุขมากๆเลยนะ ประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง

เป็นเพื่อนกันมาก็ 5 ปีแล้ว อยากบอกว่าดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกัน
ฟ้าเป็นเพื่อนที่ดีของอ๋อมตลอดมา คอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างกันตลอด

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้รู้ไว้ว่าอ๋อมเป็นกำลังใจให้ฟ้าเสมอ(สู้ๆสู้ตาย)

ขอบคุณนะ สำหรับมิตรภาพที่แสนดี

เป็นเพื่อนที่น่ารักของอ๋อมตลอดไปนะจ๊ะ

เราจะอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนที่ดีของกันและกันตลอดไป

ฉันและเธอ
เราต่างก็ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกัน
เราต่างเป็นตัวเอกในประวัติศาสตร์ของกันและกัน
ธอมีฉัน และฉันก็มีเธอเสมอ




วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2551

สุขสันต์วันเกิด



วันที่ 8 มีนาคม นี้ ก็เป็นวันเกิดของลูกเกด
ก็มีความสุขมากๆนะ
ประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง
บางครั้งที่เคยทำให้รู้สึกไม่ดี
ก็ขอโทษนะ
และขอบคุณด้วยสำหรับความหวังดีที่มีให้กัน
เป็นเพื่อนที่น่ารักของอ๋อมตลอดไปนะจ๊ะ

ไปทะเลกันมา



ปิดเทอมไปก็หลายวันแล้วเพื่อนๆเป็นยังไงกันบ้าง

สำหรัคนที่เราไปเที่ยวด้วยกัน สนุกใช่มั้ยล่ะ



ขอบคุณอ.ยุพาพรที่พาพวกเรา 5/7 ไปเที่ยวกัน ถึงเราจะไปกันไม่ครบห้อง

แต่พวกเราก็มีความสุขและสนุกมากค่ะ



อ๋อมรู้สึกดีจังกับการไปเที่ยวทั้งสองครั้งนี้

สนุก มีความสุข และประทับใจมากๆ

ถึงแม้ว่าจะเจ็บไปบ้าง

ขอบคุณ เพื่อนๆที่ดูแลกันตอนตกจักรยาน

และคอยถามว่าเป็นยังไงบ้าง

ขอบคุณน้ำล้างแผลของแพทเย็นได้ใจมากๆ

หวานด้วย เกือบจะต้องเสียเสื้อตัวนั้นไปซะแล้ว

และอีกหลายๆคนที่ไม่ได้เอ่ยถึง

ขอบคุณที่ดูแลกันตลอดการไปเที่ยวทั้งวันแรกและวันที่สอง

และที่ลืมไม่ได้เลย

ขอบคุณ อ.เกรียงและ อ.วงจันทร์ที่ช่วยดูแลพวกเราตลอดการเดินทาง

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ปิอเทอมแล้ว...








เป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ กับ การสอบที่ผ่านมา



เพื่อนๆคงจะพอใจกับการสอบกันใช่มั้ย




จบ เรื่องเครียดๆกันดีกว่า




เรามาพูดถึงเรื่องไปเที่ยวกันดีกว่า




เตรียมตัวกันรึยัง




อย่าลืม ของใช้ที่จำเป็นกันด้วยล่ะ




วันนี้เอาเรื่องของชะอำมาฝากก่อนนะ




ก่อนที่จะไปเที่ยวด้วยกัน




แล้วเจอกันนะจ๊ะ




Cha-Am Beach The beach is a seaside district and located at the sunrise coast of the Gulf of Thailand. It takes only a pleasant three hours (176 kilometers) drive from Bangkok. Cha-Am provides a quiet, relaxing retreat and is surrounded by traditional Thai ambience. Cha-Am is well suitable for families and individuals who wish to escape from the city bustle to a Thai peace of mind.Direction : It is far 1 km. east of Cha-Am Traffic Lights. Just keep going on Narathip Road until you arrive at the T-junction, then you will see the popular beach right there

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

จาสอบแล้ว




วาเลนไทน์ก็ผ่านไปแล้วนะ ยังไงก็มีความสุขกันมากๆนะ
ก็ใกล้สอบแล้ว ทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง เรายังวุ่นๆอยู่เลยหนะ
ก็ตั้งใจอ่านหนังสือละกัน เราเปนกำลังใจให้นะ

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

วันเกิดของใครกัน...

เมื่อ 7 ก.พ. ที่ผ่านมาก็เป็นวันเกิดของอ๋อมเอง
ก็อยากจะขอบคุณหลายๆคนที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของอ๋อม

...และ...ให้อ๋อมได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ
อุ๊ย...เขินจัง
ก่อนอื่น
+ ขอขอบคุณ ป๊า กับ แม่ ที่ให้อ๋อมได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
และเลี้ยงดูอ๋อมมาเป็นอย่างดี แม้จะมีที่งี่เง่าไปบ้างในบางครั้ง
นี่ก็ 18 ปีแล้วนะ คงเหนื่อยมากเลยซี

+ ขอบคุณ ปอม ที่เป็นน้องที่ไม่เคยดื้อเลย บางครั้งที่เคยอารมร์เสียใส่ก็ขอโทษด้วยนะจ๊ะ

+ ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านค่ะที่มีส่วนร่วมในการอบรมสั่งสอน
ทั้งในตำราและนอกตำรา ความเอ็นดูที่มอบให้

+ ขอบคุณอาจารย์เกรียงไกร สำหรับทุกๆเรื่องที่สอนและให้คำแนะนำตลอดมา
การอบรมสั่งสอนทั้งในตำราและนอกตำรา ความเอ็นดูที่มอบให้ แล้วก็พาไปเที่ยวด้วย

+ ขอบคุณเพื่อนๆที่จำวันเกิดของอ๋อมได้


+ ขอบคุณ สำหรับเซอร์ไพรส์ที่ร่วมกันทำให้ ( ฟ้า-ฝ้าย-อุษา-ชะเอม-ลูกเกด )

+ ขอบคุณเพลง Happy Birthday จากทุกๆคน รู้สึกประทับใจมากๆจริงๆนะ

+ ขอบคุณ ฟ้า เราก็รู้จักกันมา 5 ปีแล้วนะ ผ่านนู่นผ่านนี่มาด้วยกันก็เยอะแยะ
มากมายจนนับไม่ไหว ทั้งร้องไห้ ยิ้ม หัวเราะ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ แม้บางที่ฟ้าจะ
ชอบแกล้งอ๋อม ชอบเรียกว่า กระด้งบ้าง แต่อ๋อมก็ไม่เคยโกรธเลยจริงๆนะ

+ ขอบคุณ ฝ้าย เราก็รู้จักกันมา 5 ปีแล้วเหมือนกันถึงตอนม.ต้น
เราจะไม่ค่อยได้ทำอะไรร่วมกัน แต่...ตอนเนี๊ยะเราก็ได้ทำอะไร
หลายอย่างร่วมกัน ก็เหมือนกันแหละ บางที่ชอบแกล้งก็ไม่โกรธเหมือนกัน
แต่ก็เจ็บเหมือนกันนะจะบอกให้

+ ขอบคุณ อุษา แม้จะแค่ 2 ปี แต่อ๋อมก็ดีใจที่เราได้รู้จักกัน ไ
ด้ทำอะไรหลายอย่างร่วมกัน แม้เธอจะชอบเรียกเราว่า ป้า
เราก็ไม่โกรธหรอกจ้ะ ก็แค่ไม่ชอบเฉยๆ(ล้อเล่น)

+ ขอบคุณ ชะเอม ก็ 2 ปี แล้วเหมือนกัน แต่...อ๋อมรู้สึกมันน้านนาน
เพราะไรรู้ปะ ก็ชะเอมมีเรื่องมาว่าอ๋อม มาทะเลาะ
กับอ๋อมทุกวันเลย ทำไรก็ผิดไปหมด

+ ขอบคุณ ลูกเกด ก็ 2 ปี แล้วเหมือนกันใช่ปะ ไม่ต้องน้อยใจล่ะ
ที่ยู่คนสุดท้ายหนะ บางที่อ๋อมก็เบื๊อเบื่อเวลาที่ลูกเกดบ่นหนะ
แต่บางทีที่เธอโมโหมันก็ฮาดีนะ แต่อ๋อมเข้าใจ
ก็ขอบคุณเวลาที่เตือนให้ทำงาน ถ้าขาดเธอไปก็คงแย่เหมือนกัน

---ยังมีอะไรจะบอกมากกว่านี้อีก...แต่...ขอเก็บเอาไว้บ้างละกัน---

*****- ขอบคุณของขวัญที่มีชะเอมเป็นพรีเซ็นเตอร์(เอื้องหลวง)
...และ...เค้กจากร้านของฟ้า(ศรีฟ้า)ที่เขียนหน้าเค้กว่า...สุขสันต์วันเกิดกระด้ง...
กลัวเพื่อนคนอื่นเค้าจะไม่รู้รึไงฮะ*****

***ขอบคุณทุกๆกำลังใจจากทุกคนที่มีให้ตลอดมาทุกครั้งที่อ่อนแอ***

***ขอบคุณอีกหลายๆคนแม้จะไม่ได้เอ่ยถึงก็ตามไม่โกรธกันนะจ๊ะ***

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Valentine's Day




Saint-Valentin

Le jour de la Saint-Valentin, le 14 février, est considéré dans de nombreux pays comme la fête des amoureux. Les couples en profitent pour échanger des mots doux et des cadeaux comme preuves d'amour ainsi que des roses rouges qui sont l'emblème de la passion.

À l'origine fête de l'Église catholique, le jour de la Saint-Valentin n'aurait pas été associé avec l'amour romantique avant le haut Moyen Âge. La fête est maintenant associée plus étroitement à l'échange mutuel de « billets doux » ou de valentins illustrés de symboles tels qu'un cœur ou un Cupidon ailé.

À l'envoi de billets au XIXe siècle a succédé l'échange de cartes de vœux. On estime qu'environ un milliard de ces cartes sont expédiées chaque année à l'occasion de la Saint Valentin, chiffre battu seulement par le nombre de cartes échangées lors des fêtes de Noël. On estime aussi que 85% de ces cartes sont achetées par des femmes.

Valentine's Day

Valentine's Day is a holiday celebrated on February 14. It is the traditional day on which lovers express their love for each other; sending Valentine's cards, or gifting candy. It is very common to present flowers on Valentine's Day. The holiday is named after two among the numerous Early Christian martyrs named Valentine. The day became associated with romantic love in the circle of Geoffrey Chaucer in High Middle Ages, when the tradition of courtly love flourished.

The day is most closely associated with the mutual exchange of love notes in the form of "valentines." Modern Valentine symbols include the heart-shaped outline and the figure of the winged Cupid. Since the 19th century, handwritten notes have largely given way to mass-produced greeting cards.[1] The mid-nineteenth century Valentine's Day trade was a harbinger of further commercialized holidays in the United States to follow.[2] The U.S. Greeting Card Association estimates that approximately one billion valentines are sent each year worldwide, making the day the second largest card-sending holiday of the year behind Christmas. The association estimates that women purchase approximately 85 percent of all valentines.

วันวาเลนไทน์

ตำนานวันแห่งความรัก 14 ก.พ. เริ่มขึ้นเมื่อ ค.ศ.270 ชาวคริสเตียนผู้หนึ่งนามว่า “วาเลนไทน์” ถูกคุมขังเพราะไม่ยอมนับถือเทพเจ้าตามจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมัน โดยวาเลนไทน์ได้นำอาหารไปวางบนประตูบ้านคนยากจน พร้อมกับเปิดตัวว่าเป็นคริสเตียน

ช่วงที่วาเลนไทน์ถูกคุมขังในเรือนจำก็ได้หลงรักลูกสาวของผู้คุมที่ตาบอด วาเลนไทน์ได้อธิษฐานทูลขออำนาจจากพระเจ้าให้รักษาตาของเธอจนหายเป็นปกติ ทำให้ครอบครัวผู้คุมประกาศตนเป็นคริสเตียน เมื่อจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 แห่งโรมทรงทราบ จึงโกรธมากและสั่งให้นำตัวเซนต์ วาเลนไทน์ไปโบยตีและตัดศีรษะ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ในค่ำคืนก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ได้ส่งบทกวีแห่งความรักไปให้หญิงสาวในดวงใจ และลงท้ายด้วยถ้อยคำพรรณนานี้ว่า “FROM YOUR VALENTINE”

ต่อมาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ทรงรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถัดจากวันที่เซนต์วาเลนไทน์ถูกประหาร 1 วัน ซึ่งถือเป็นวันพิธี “ลูเพอร์กาเลีย” ซึ่งเป็นพิธีทางศาสนาของโรมันที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวเลือกคู่กัน จึงให้รวมทั้งสองวันเอาไว้ด้วยกัน เรียกว่า “วันวาเลนไทน์” นับแต่นั้นมา เพื่อระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ที่มีความรักและศรัทธาต่อศาสนาที่ตนนับถือ

ตำนานวาเลนไทน์จึงเริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา เชื่อกันว่าในวันวาเลนไทน์ มวลหมู่นกจะพากันจับคู่ บรรดาหนุ่มสาว จะเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกัน และแลกเปลี่ยนของที่ระลึกสื่อความรัก ในยามค่ำคืนแห่งการฉลองเทศกาล โดยช่วงสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรีย สาวๆมักนิยมสวมสร้อยข้อมือ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความโชคดีในความรัก โดยเฉพาะถ้าสร้อยข้อมือเหล่านี้ทำเป็นรูป หมู ตะเกียง เกือกม้า และหัวใจ ตราบจนทุกวันนี้ เครื่องรางรูปหัวใจก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ

การให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ ก็พัฒนามาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะยืนด้วยรูปหัวใจ หรือดอกกุหลาบ ช็อกโกแลตที่สื่อถึงความหวานทั้งสิ้น

สำหรับคำหวานที่จะบอกรักใครสักคนนั้น กลับไปดูต้นฉบับของนักบุญวาเลนไทน์แล้ว ท่านเขียนไว้ว่า “รักคือการยินดีที่ได้เห็นบุคคลที่รักมีความสุข แม้ว่าตนเองจะทุกข์ หรือเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม”


ส่งดอกไม้วันวาเลนไทน์

มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลายรูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย

กุหลาบแดง (Red Rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ" I love Selarath,Sithy

กุหลาบขาว (White Rose) : กุหลาบขาวแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์

กุหลาบชมพู (Pink Rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน

กุหลาบเหลือง (Yellow Rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส แทนความรักแบบเพื่อน

จะเห็นได้ว่าดอกไม้เป็นประดิษฐกรรมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้เป็นสื่อแทนความหมายแห่งความรักได้หลายรูปแบบ