วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

100ร.ร.ที่มีชื่อเสียงที่สุดในไทยปี51

1.เตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร
2.มหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม
3.สวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
4.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพมหานคร
5.สามเสนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
6.สตรีวิทยา กรุงเทพมหานคร
7.เทพศิรินทร์ กรุงเทพมหานคร
8สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร
9หาดใหญ่วิทยาลัย สงขลา
10บุญวาทย์วิทยาลัย ลำปาง
11มงฟอร์ตวิทยาลัยแผนกมัธยม เชียงใหม่
12สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
13เซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร
14อัสสัมชัญ บางรัก กรุงเทพมหานคร
15สาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชียงใหม่
16กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
17หอวัง กรุงเทพมหานคร
18สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
19ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เชียงใหม่
20โยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร
21ราชสีมาวิทยาลัย นครราชสีมา
22ภูเก็ตวิทยาลัย ภูเก็ต
23เบ็ญจมมหาราช อุบลราชธานี
24ศึกษานารี กรุงเทพมหานคร
25มหาวชิราวุธ สงขลา
26อุดรพิทยานุกูล อุดรธานี
27พิบูลวิทยาลัย ลพบุรี
28นครสวรรค์ นครสวรรค์
29เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร
30บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2 กรุงเทพมหานคร
31นวมินทราชินูทิศ บดินทร์เดชา กรุงเทพมหานคร
32สามัคคีวิทยาคม เชียงราย
33เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ กรุงเทพมหานคร
34สตรีวิทยา 2 กรุงเทพมหานคร
35สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กรุงเทพมหานคร
36ราชวินิตบางแก้ว สมุทรปราการ
37สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี นนทบุรี
38อัสสัมชัญคอนแวนต์ กรุงเทพมหานคร
39มาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
40บุรีรัมย์พิทยาคม บุรีรัมย์
41ชลราษฎรอำรุง ชลบุรี
42จิตรลดา กรุงเทพมหานคร
43ราชินี กรุงเทพมหานคร
44สตรีวัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพมหานคร
45สายปัญญาในพระราชินูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร
46สายน้ำผึ้ง กรุงเทพมหานคร
47พระปฐมวิทยาลัย นครปฐม
48สตรีสมุทรปราการ สมุทรปราการ
49วัฒนาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
50วัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร
51ขอนแก่นวิทยายน ขอนแก่น
52สุรนารีวิทยา นครราชสีมา
53ศึกษานารีวิทยา กรุงเทพมหานคร
54แก่นนครวิทยาลัย ขอนแก่น
55เบญจมราชาลัย กรุงเทพมหานคร
56ยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
57จักรคำคณาทร ลำพูน
58สระบุรีวิทยาคม สระบุรี
59ราชินีบน กรุงเทพมหานคร
60เบญจมราชูทิศจันทรบุรี จันทรบุรี
61สาธิตมัธยมมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) ขอนแก่น
62เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพมหานคร
63ดาราวิทยาลัย เชียงใหม่
64อัสสัมชัญธนบุรี กรุงเทพมหานคร
65นวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี นนทบุรี
66ปทุมคงคา กรุงเทพมหานคร
67ราชินีบูรณะ นครปฐม
68สตรีภูเก็ต ภูเก็ต
69กาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม นครปฐม
70เบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช
71เบญจมราชรังสฤษฎิ์ ฉะเชิงเทรา
72ร้อยเอ็ดวิทยาลัย ร้อยเอ็ด
73นารีรัตน์ แพร่
74สุรวิทยาคาร สุรินทร์
75นวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กรุงเทพมหานคร
76พิริยาลัย แพร่
77สตรีสมุทรปราการ สมุทรปราการ
78วัฒโนทัยพายัพ เชียงใหม่
79เบญจมราชูทิศ ราชบุรี ราชบุรี
80เฉลิมขวัญสตรี พิษณุโลก
81สิรินธร สุรินทร์
82บูรณะรำลึก ตรัง
83สุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพมหานคร
84หาดใหญ่สมบูรณ์กุลกันยา สงขลา
85ราชวินิตมัธยม กรุงเทพมหานคร
86สตรีนนทบุรี นนทบุรี
87วิสุทธรังษี กาญจนบุรี
88สาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพมหานคร
89พระหฤทัยคอนแวนต์ กรุงเทพมหานคร
90ปราจิณราษฎรอำรุง ปราจีนบุรี
91สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี
92อัสสัมชัญสมุทรปราการ สมุทรปราการ
93สตรีศรีน่าน น่าน
94จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ตรัง ตรัง
95สาธิตพิบูลย์บำเพ็ญ มหาวิทยาลัยบูรพา ชลบุรี
96ทวีธาภิเศก กรุงเทพมหานคร
97ลำปางกัลยาณี ลำปาง
98กัลยาณีศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช
99สวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ปทุมธานี
100นบุญโญปถัมภ์ ลำพูน

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ฝูหวา


ฝูหวา (ภาษาจีน: 福娃; พินอิน: Fúwá) คือมาสคอตประจำมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2008 ประกอบด้วยตัวหมีแพนด้าที่แต่งตัวเป็น ปลา ชื่อเป้ยเป่ย มีสีฟ้า แพนด้า ชื่อจิงจิง มีสีดำ หนูน้อยลูกไฟ ชื่อฮวานฮวาน มีสีแดง ละมั่งทิเบต ชื่ออิ่งอิ๋ง มีสีส้ม และนกนางแอ่น ชื่อหนีหนี่ มีสีเขียว
มาสคอตในโอลิมปิกครั้งนี้ถือว่ามีมากที่สุดเท่าที่เคยมา ซึ่งมีมากถึง 5 ตัว มาสคอตทั้ง 5 ตัวเป็นพี่น้องกัน มีชื่อเรียงกันจากพี่คนโตถึงน้องคนเล็กว่า เป้ยเป่ย จิงจิง ฮวานฮวาน อิ๋งอิ๋ง หนีหนี่ เมื่อนำชื่อพยางค์ของแต่ละตัวมารวมกัน ก็จะเป็นคำว่า “เป่ยจิงฮวนอิ๋งหนี่” แปลว่า “ปักกิ่งขอต้อนรับท่าน”
หลังจากที่ฝูหวาถูกนำออกวางจำหน่ายในท้องตลาด ก็ได้รับความนิยมจากชาวจีนเป็นอย่างมาก ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน สินค้าชนิดนี้ก็ขาดตลาด แต่ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีของสัญลักษณ์โอลิมปิคในปักกิ่งเกมส์ว่าจะนำรายได้จำนวนมหาศาลมาสู่จีน อย่างไรก็ดี ความนิยมชมชอบของชาวจีนจำนวนมาก ก็เป็นเหตุผลให้มีผู้ดัดแปลงฝูหวาเป็นรูปลักษณ์อื่นๆที่แตกต่างไปจากรูปที่เป็นทางการ โดยส่วนหนึ่งทำขึ้นเพื่อล้อเลียนประเทศจีน หรือการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้

ฝูหวาแต่ละตัวล้วนเป็นสัญลักษณ์แทนมงคลนามธรรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้

เป้ยเป่ย
เป้ยเป่ย เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งโรจน์ เนื่องจาก “ปลา” และ “ น้ำ ” ในขนบทางศิลป์ของจีนจะหมายถึงความรุ่งโรจน์และผลการเก็บเกี่ยว ชาวจีนใช้ภาพ “ ปลาหลีกระโดดข้ามประตูมังกร” เพื่อแสดงถึงความสำเร็จในกิจการและความใฝ่ฝันที่กลายเป็นจริง นอกจากนี้ “ปลา” ยังมีเสียงพ้องกับคำที่มีความหมายว่า “เหลือกินเหลือใช้” อีกด้วย ศีรษะของเป้ยเป่ยเป็นลวดลายปลาที่ปรากฏ ในเครื่องปั้นยุคหินใหม่ของจีน เป้ยเป่ยเป็นตุ๊กตาที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างพลิ้วไหว จึงใช้เป็นตัวแทนของห่วงสีฟ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ห่วงของกีฬาโอลิมปิค

จิงจิง
จิงจิง เป็นหมีแพนด้าตัวใหญ่ที่มีสัมมาคารวะ ในฐานะที่เป้นสัตว์ประจำชาติ จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก จิงจิงมาจากป่ากว้าง และเป็นสัญลักษณ์ของความสมัครสมานระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ศีรษะของจิงจิงเป็นลวดลายดอกบัวถักที่ปรากฏอยู่บนเครื่องเคลือบดินเผาสมัยราชวงศ์ซ่ง จิงจิงเป็นตุ๊กตาที่มองโลกในแง่ดีและเต็มไปด้วยพลัง เป็นตัวแทนของห่วงสีดำ
ฮวานฮวาน
ฮวนฮวน ถือเป็นพี่ชายคนโตในบรรดาฝูหวาทั้ง 5 ตัว เป็นสัญลักษณ์แทนคบเพลิงโอลิมปิค ฮวนฮวนเป็นตัวแทนแห่งความฮึกเหิมซึ่งนำจิตวิญญาณโอลิมปิคไปสู่คนทั่วโลก ศีรษะของฮวนฮวนประดับด้วยลวดลายของไฟคบเพลิงที่ปรากฏบนภาพวาดฝาผนังในเมืองตุนหวง เป็นตุ๊กตาที่มีนิสัยเปิดเผยและมีความชำนาญในการเล่นกีฬาทุกประเภท เป็นตัวแทนของห่วงสีแดง
อิ่งอิ๋ง
อิ่งอิ๋ง เป็นแพะธิเบตที่มีความปราดเปรียวและวิ่งเร็วปานสายฟ้าแลบ มาจากดินแดนตะวันตกอันแสนกว้างใหญ่ของจีน นำคำอวยพรที่เป็นมงคลแพร่ไปสู่ชาวโลก อิ๋งอิ๋งเป็นสัตว์สงวนซึ่งมีซึ่งมีเฉพาะในเขตที่ราบสูงชิงจั้ง ศีรษะของอิ๋งอิ๋งประดับด้วยเครื่องประดับที่ชาวจีนแถบภูเขาสูงในชิงจั้งและซินเกียงนิยมใช้กัน เป็นตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและถือเป็นสัญลักษณ์ของกรีฑาประเภทลู่และลาน เป็นตัวแทนของห่วงสีเหลือง
หนีหนี่
หนีหนี่ เป็นนกนางแอ่นที่กระพือปีกบินบนท้องฟ้า รูปลักษณ์ของหนีหนีเกิดจากรูปนกนางแอ่นของทะเลทรายบนแผ่นว่าว ซึ่งนิยมใช้เล่นกันในปักกิ่ง คำว่า “เยี่ยน” ยังเป็นตัวแทนของเมือง “เยียนจิง” (ชื่อเรียกกรุงปักกิ่งในอดีต) หนีหนีนำพาฤดูใบไม้ผลิและความสุขมาสู่ชาวโลก และโบยบินไปยังที่ต่างๆ เพื่ออวยพรให้ทุกคนประสบแต่โชคดี หนีหนีจะปรากฏตัวในสนามแข่งขันยิมนาสติก เป็นตัวแทนของห่วงสีเขียว

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Tour Eiffel


La tour Eiffel, initialement nommée tour de 300 mètres, est une tour de fer puddlé construite par Gustave Eiffel et ses collaborateurs pour l'exposition universelle de 1889. Situé à l'extrémité du Champ-de-Mars, en bordure de la Seine, ce monument parisien, symbole de la France et de sa capitale est le neuvième site le plus visité du pays en 2006 et le premier monument payant visité au monde avec 6,893 millions de visiteurs en 2007[1].
D'une hauteur de 300 mètres à l'origine, prolongée par la suite de nombreuses antennes culminant à 325 mètres, la tour Eiffel est restée le bâtiment le plus élevé du monde pendant plus de 40 ans. Utilisée dans le passé pour de nombreuses expériences scientifiques, elle sert aujourd'hui d'émetteur de programmes radiophoniques et télévisés.
Ce site est desservi par la station de métro : Bir-Hakeim. Ce site est desservi par la station Champ de Mars - Tour Eiffel du RER.

หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ใช้จะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)

รู้จักวัฒนธรรมฝรั่งเศส

การศึกษาในฝรั่งเศส
การศึกษาภาคบังคับในประเทศฝรั่งเศส จะเริ่มตั้งแต่อายุ6ขวบถึง16ปี และการศึกษาในโรงเรียนต่างๆ จะเปิดโอกาสให้นักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ระดับของโรงเรียนมีดังนี้
Ecole Maternelle โรงเรียนอนุบาลจะเริ่มตั้งแต่อายุ 2 -6 ขวบ
Ecole Primaire โรงเรียนประถมศึกษาตั้งแต่อายุ 6 - 12 ขวบ
College นักเรียนในระดับนี้เมื่อจบการศึกษาชั้นนี้ก็จะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นต้น
Lycee เป็นการศึกษาในระดับสูงขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับของไทยก็คือมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อจบการศึกษาระดับนี้แล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นสูงสามารถนำไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ ปีการศึกษาในประเทศฝรั่งเศสจะเริ่มตั้งแต่กันยายนและจบลงในเดือนมิถุนายน ทุกวันพุธนักเรียนจะไม่ไปโรงเรียน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์อีกเช่นกัน ผลไม้ที่นิยมปลูกในฝรั่งเศส
องุ่นเป็นผลไม้ที่มีมาในสมัยโบราณของยุโรป แต่ในปัจจุบันองุ่นสามารถปลูกได้ลักษณะอากาศทั่วไป องุ่นในฝรั่งเศสมี 3 ประเภท
Raisins de table เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อใช้รับประทานสดมีมากมาย นิยมปลูกมากคือ องุ่นแดง บางชนิดเกือบดำรสหวาน องุ่นขาวปนเขียวเป็นองุ่นที่มีรสหวานจัด Raisins de cuve เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อทำเหล้าองุ่น มีทั้งชนิดสีดำ,แดง,ขาว และเขียว นอกจากนั้นกกากองุ่นที่เหลือจากการทำเหล้าสามารถทำนำส้มสายชูได้ ดังนั้นการปลูกองุ่นจึงเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ
Raisins secs เป็นองุ่นที่ใช้ทำลูกเกดลักษณะคล้ายองุ่นที่ทำเหล้าแต่น้ำตาลสูง ขนาดผลเล็กไม่มีเมล็ด ไม่นิยมใช้ทำเหล้าเพราะหวานจัด จึงนิยมนำมาทำผลไม้อบแห้ง ฤดูกาลในฝรั่งเศส
ในฝรั่งเศสมี 4 ฤดูกาล
ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มราววันที่ 21มีนาคม - 21 มิถุนายน ฤดูนี้อากาศดีมาก
ต้นไม้ผลิดอกสวยงามมาก
ฤดูร้อน จะเริ่มราวๆ วันที่ 22 มิถุนายน - 22 กันยายน อากาศดีและร้อน เป็นฤดูแห่งการพักผ่อน ในเดือนสิงหาคม โรงงาน ร้านค้า มักจะหยุดให้พนักงานพักผ่อน ผู้คนนิยมไปทะเล
ฤดูใบไม้ร่วง จะเริ่มราวๆ วันที่ 23 กันยายน - 23 ธันวาคม อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา ฝนเริ่มตั้งเค้า ลมพัดแรง ใบไม้ผลัดใบทิ้งเพื่อรอรับฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา
ฤดูหนาว จะเริ่มจากวันที่ 23 ธันวาคม - 23 มีนาคม อากาศหนาวจัดหิมะตก
ไม่มีใบไม้เหลือบนต้นไม้เลย กีฬาในฝรั่งเศส
สำหรับกีฬาในฝรั่งเศสที่นิยมเล่นกันมากคือ กีฬาเปตอง ซึ่งเริ่มเป็นกีฬาของแคว้น Midi ภาคใต้ของฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสมีสถานที่เล่นสกี จะเล่นอยู่ในแถบภูเขา Alpes การเล่นสกีต้องมีครูฝึกสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ผู้เล่นสกีต้องนั่งกระเช้าซึ่งจะพาคุณขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเล่นสกี